Saturday, October 2, 2010

Review iPhone4


review iphone4
เห็นว่าวันนี้เป็นวันเปิดตัว iPhone4 วันแรกของหลายๆค่าย เลยขอทำการ review iPhone4 ในฐานะคนที่ได้สัมผัส iPhone4 มาแล้วประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจของใครหลายๆคนที่กำลังก้ำกึ่งว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ เพราะราคาของมันก็ไม่ได้ถูกซักเท่าไร่
iPhone4 เปิดตัวเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อนเปิดตัว iPhone4 ก็สร้างความฮือฮาให้กับสาวก Apple หลายคนด้วยภาพหลุด และการ review เครื่อง iPhone4 ที่นักพัฒนาของ Apple เอง ลืมเอาไว้ที่ผับแห่งหนึ่ง และนั่นทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตถึงขึ้นฟ้องร้อง เพราะผู้ที่เก็บได้ นำ iPhone4 ไปขายต่อให้ Gizmodo เว็บไซต์ที่โด่งดังได้ review ทำให้ Gizmodo มีความผิดโทษฐานรับซื้อของโจร
งานเปิดตัว iPhone4 โดย Steve Jobs จึงเป็นที่จับตามองมากๆว่า iPhone4 ที่จะเปิดตัวของจริงนั้น จะเหมือนกับที่สาวกได้เห็นกันทางเว็บ Gizmodo หรือไม่
และเมื่อ Steve Jobs เปิดตัว หน้าตาของ iPhone4 ดูเหมือนที่ Gizmodo เอาออกมา review เป๊ะ แต่ Steve Jobs พูดกลับพูดประมาณว่า “แม้ว่าคุณจะได้เห็นหน้าตาของมันแล้ว ..​แต่เชื่อผมเถอะ..​คุณยังไม่เห็นตัวตนของมันจริงๆเลยซักนิด”
Steve Jobs เริ่มด้วยการพูดถึงความสามารถหลักที่เพิ่มเติมมาจาก iPhone ตัวล่าสุดในขณะนั้น นั่นคือ iPhone 3GS ว่า มีความสามารถที่โดดเด่นมากๆ ดังนี้
1. จอความละเอียดสูงที่เรียกว่า Retina Display
iphone4 retina display
Retina Display คือจอที่สามารถให้ความละเอียดได้สูงถึง 326 pixels ซึ่งนั่นทำให้เราสามารถเห็นตัวอักษรได้ชัดเจนขึ้น เนียนขึ้น จากประสบการณ์ที่ได้ใช้มา เห็นว่า Retina Display นี้ ละเอียดมากจริงๆ ให้ความคำชัดได้เยี่ยมมากๆ ช่วยให้อ่านอีเมล์ หรือเว็บไซต์ที่มีตัวอักษรมากๆได้อย่างดี และอย่างที่ Steve Jobs พูดจริงๆว่า .. “ถ้าไม่ลองก็จะไม่รู้”
2. FaceTime
iPhone4 ใช้ประโยชน์จากกล้อง “ตัวที่2″ ที่มีอยู่ทางด้านหน้า เพื่อประโยชน์ในการเล่น Facetime ความหมายคือความสามารถในการทำ Video Call การพูดคุยโทรศัพท์ พร้อมกับการเห็นหน้าไปด้วย สำหรับ feature นี้ ทางผมเองยังไม่ได้ลองครับ เนื่องจากหาคนลองด้วยไม่ค่อยจะได้
3. กล้องความละเอียดสูง 5ล้านพิกเซลที่มาพร้อมเฟลชในตัว
กล้องความละเอียดสูงนี้ช่วยทำให้การถ่ายภาพจาก iPhone มีประโยชน์มาก จากเดิมเมื่อถ่ายแล้วจะมีความเพี้ยนของสี และความไม่ชัดเจนเนื่องจากความละเอียดที่น้อยเกินไป นอกจากนี้ด้วยกล้องตัวนี้ ทำให้เราสามารถถ่าย video ที่ความละเอียดสูงระดับ High Definition หรือที่เรียกว่า HD ได้ จากที่ได้สัมผัส พบว่าความสามารถของกล้องนี้ให้ผลเป็นที่น่าพอใจมาก ภาพคมชัดมากๆ
4. ความเร็ว
เห็นได้ชัดว่าเร็วขึ้นมาก การถ่ายรูปเร็ว การกดข้าม app ต่างๆ สามารถทำได้รวดเร็ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง feature ที่น่าสนใจในการตัดสินใจซื้อเลยทีเดียว
นั่นคือความสามารถที่โดดเด่น ต้องบอกว่าอย่างนั้นเพราะจริงๆแล้วมีความสามารถใหม่ๆเข้ามาอีกเพียบ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ iPhone4 แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
5. การออกแบบ
รูปลักษณ์ที่ออกมาบางเฉียบกว่าเดิม วัสดุที่ทำจากกระจกทั้งหน้าและหลังที่มีความทนทานเทียบเท่ากระจกที่ใช้สำหรับเฮลิคอปเตอร์ ขอบสีเงินของโลหะที่เป็นเสาอากาศ ตัดกับสีดำได้เป็นอย่างดี ความแน่นและเฟิร์มของตัวเครื่องบ่งบอกถึงความตั้งใจในการผลิต เรื่องดีไซน์ สำหรับ Apple คงไม่ต้องพูดถึงให้มากไปกว่านี้
ปัญหา
หลังจาก iPhone4 ออกมาได้สักพัก Apple โดนโจมตีหนักเรื่องปัญหาของสัญญาณที่ไม่แน่นอน เดี๋ยวหลุดบ้าง เดี๋ยวไม่ชัดบ้าง โดยปัญหาที่ว่านี้เกิดจากเสาอากาศแบบใหม่ที่ทาง Apple คิดขึ้นมาว่าให้อยู่ที่ขอบด้านข้าง เป็นโลหะสีเงิน
ปัญหาที่ว่านี้ส่งผลเป็นอย่างมาก จนทำให้ Apple เองต้องออกมาพูดถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น (แม้ว่าในการพูดจะไม่ได้ยอมรับผิดแต่อย่างใด) Steve Jobs บอกว่า โทรศัพท์ทุกเครื่องทุกรุ่นก็มีปัญหานี้กันทั้งนั้น หากจับไม่ถูกวิธี อย่างไรก็ตาม Apple จะแจกขอบยาง หรือที่เรียกว่า Bumper เพื่อช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้น การแก้ปัญหาโดยการออกมาแถลงดังกล่าว ไม่ได้ช่วยให้สถานะการณ์ดีขึ้นนัก แต่กลับทำให้มีปัญหาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากบริษัทเจ้าของโทรศัพท์หลายยี่ห้อที่ถูก Apple พาดพิงถึง ได้ออกมาโต้กลับ และทำให้เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตมากขึ้น
และแน่นอนว่า ปัญหานี้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
ผมได้รับคำถามมากมายเมื่อได้ใช้ iPhone4 ถึงปัญหาสัญญาณไม่ดีดังกล่าว แต่หลังจากการใช้มาตลอด ไม่พบปัญหาเรื่องสัญญาณเลย และจากที่ได้อ่านในเว็บบอร์ดต่างๆ ก็ไม่พบว่ามีผู้ใช้งานคนไหนออกมาพูดถึงปัญหาที่ตัวเองพบ ดังนั้นจึงคิดว่า ปัญหาสัญญาณดรอป ไม่น่าจะเป็นผลมากอย่างที่ร่ำลือ
จะซื้อดีมั้ย
เขียนมาซะเยอะเกี่ยวกับตัว iPhone4 และพูดถึงความสามารถต่างๆมากมาย ก็ไม่ได้แปลว่า iPhone4  จะดีที่สุด
หลายๆคุณสมบัติที่พูดถึง โทรศัพท์หลายค่ายก็มีทำขึ้นมาแล้ว และด้วยระบบปฎิบัติการแบบ “ปิด” ของ Apple ที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ นั่นจะเป็นปัญหาสำหรับผุ้บริโภคอย่างเราๆมั้ย?
หลายคนที่ผมได้พูดคุยด้วย พูดถึงการมาของ Android ที่จะมาเบียดจำนวนการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ และคาดว่า Andriod จะมาเป็นที่หนึ่ง ในจุดนั้นผมผมเห็นด้วยครับ เพราะโทรศัพท์แต่ละค่ายเริ่มหันมาใช้ Android เป็นระบบปฎิบัติการหลัก
อย่างไรก็ตาม มีคนบอกผมว่า มือถือในปัจจุบันเป็นมากกว่ามือถือ มันเป็น แฟชั่น เป็นเทรนด์ ใครเดินถือ iPhone4 ตอนนี้จะดูดีมาก จะเท่ ไปไหนใครเห็นก็จะทัก นั่นคือความเป็น iPhone4 และเหตุผลที่คนจะเลือกซื้อ
และเพราะเทรนด์นี่แหละครับ ขนาด Apple ยังไม่ขายในประเทศเรา แต่คนก็ยังหาซื้อ iPhone4 แม้จะต้องหิ้วมาจากต่างประเทศ และซื้อกันในราคาที่แพงกว่าเพื่อให้ได้เป็นคนแรกๆที่ได้ใช้
การเปิดตัว iPhone4 ณ วันนี้ที่บอกให้จองกันได้เลย โดยมีจำนวนจำกัดมากๆ นั้น กลับไม่มีบอกว่า ราคาเท่าไร่ และที่น่าสนใจคือ คนก็จองกันโดยไม่รู้ด้วยว่าราคาจริงๆที่เค้าจะต้องจ่ายนั้น มากน้องเพียงใด หรือมีโปรฯอะไรบ้าง
หากจะซื้อ iPhone4 วันนี้ คนที่ซื้อคือซื้อเพราะความสวยของมัน ความบาง หน้าตา ดีไซน์ เทรนด์ และ แฟชั่น ซึ่งนั่นก็ไม่ได้ผิดอะไร เพราะที่ Apple มีทุกวันนี้ได้ โดยเฉพาะในช่วงหลังๆ ที่ Apple ไม่ได้เป็นผู้นำด้าน innovation มากมายเหมือนแต่ก่อน แต่การเป็นผู้นำ แฟชั่น นำเทรนด์นี่สิ ที่สำคัญ และสิ่งนี้แหละที่เอาชนะใจคนได้ในหลายๆด้าน แม้ว่าจะมีระบบปฎิบัติการแบบปิด ที่ทำให้ iPhone ไม่สามารถมี feature ต่างๆที่ Apple ไม่อนุญาติได้ เช่น การลบ หรือ การ block เบอร์เบอร์โทรเข้า หรือแม้กระทั่งการไม่สามารถดู Flash บนเว็บต่างๆได้ ซึ่งนั่นก็เหมือนว่าผู้ใช้งานรุ่นก่อนๆ ไม่เห็นจะแคร์เลย กลับเลือกที่จะดูเว็บที่ไม่มี Flash แทน ความแรงของการไม่สนับสนุน Flash ใน iPhone ไม่เพียงแต่จะมีผลกระทบกับผู้ใช้งาน กลับมีผลกับผู้พัฒนาด้วย ปัจจุบันเว็บไซต์ที่ผลิตขึ้นมาส่วนใหญ่ลดการใช้ Flash ลง ทั้งนี้ด้วยเหตุผลไม่กี่ข้อ เช่น ใช้เวลาโหลดนาน ต้องดาว์นโหลด ปลั๊กอินล่าสุด และ iPhone ไม่สามารถดูได้
สรุปอีกครั้งคือ iPhone คือ เทรนด์และแฟชั่นครับ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่มือถือเป็น ณ ขณะนี้ แต่หากจะเทียบเรื่องของ function ต่างๆกับราคากับมือถือเจ้าอื่นๆแล้วล่ะก็ iPhone อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด ณ เวลานี้
iPhone4 มีให้เลือก 2 รุ่น คือ แบบ 16GB และ 32GB สำหรับรุ่น 16GB นี้คาดว่าหลายๆค่ายจะเปิดตัวอยู่ที่ราคา สองหมื่นต้นๆ ครับ

Share/Bookmark

No comments:

Post a Comment